ยินดีต้อนรับ

ผลิใบ...ขอต้อนรับด้วยมิตรภาพอันอบอุ่น
และหัวใจที่คุกรุ่นด้วยไอรัก...


* * ผลิใบทักทาย * *

***... ให้หัวใจทุกดวงผลิบาน...ขอบคุณที่แวะเยี่ยมเยือนเรา..ผลิใบ

28 ธันวาคม 2550

ผลิใบ...รับแสงแห่งปีใหม่

และแล้ว...เวลาก็นำพาเราผ่านห้วงที่ถูกเรียกว่าปีเก่า เพื่อก้าวย่างสู่ช่วงเวลาใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า...

อีกหนึ่งปีที่ผ่านไป... คงเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและมีคุณค่าสำหรับชีวิตของใครหลายคน จะมากหรือน้อยคงไม่สำคัญ แค่เพียงให้สิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตตลอดทั้งหนึ่งปีที่ผ่านมา มีส่วนทำให้เราได้เรียนรู้ความหมายของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์...ก็เป็นคุณค่าที่ใหญ่ยิ่งแล้ว

ร่วมย้อนนึกถึงตัวเองและผองเพื่อนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา...
และแบ่งปันความปรารถนาดีในโอกาสการเริ่มต้นสู่ปีใหม่ได้...ที่นี่...

*++***++****++****++***++*


**--.. ผลิใบ...สวัสดีปีใหม่ 2551 ..--**


****++***++****++***++****

25 ธันวาคม 2550

กาลครั้งหนึ่งเมื่อเรามาพบกัน

ใต้ผืนฟ้างาม...




ในความมืด...



มีความเคลื่อนไหว...





ในความเหนื่อยล้า...




มีความเอื้ออาทร...



ในก้าวย่าง...




มีความตั้งใจ...






มีความมุ่งมั่น...





ในความงาม...


มีสุนทรียภาพ...



มีความสดใส...



และ...ในมุมหนึ่งใต้ผืนฟ้ากว้าง....

มี....



...." พลัง "....




21 ธันวาคม 2550

ในความทรงจำ...ด้วยรักและอุดมการณ์ผลิใบ 4



ณ ที่แห่งนี้...




ท่ามกลางบรรยากาศงามอันคุ้นเคย...








คนกลุ่มนี้...





เดินทางมาเยือนโลกแห่งการเรียนรู้อีกเศษเสี้ยวหนึ่ง...ของโลกกว้าง




นำโดยท่านหัวหน้าแก๊งค์...ยี๋ย... ( ตัวใครตัวมัน )...




แลกเปลี่ยน...เรียนรู้...ประสบการณ์

บ่มเพาะความแข็งแกร่ง มั่นคง ทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา






สร้างสรรค์...





แสวงหา...




ศึกษา...






แลกเปลี่ยน....


แบ่งปัน...



ให้ความงดงาม...ได้ผลิใบ


16 ธันวาคม 2550

บางส่วนจาก จดหมายตอบ...เพื่อน...


จดหมายตอบ....เพื่อน....

ช่างยากที่จะหาถ้อยคำมาเอ่ยแทนสิ่งที่อยู่ในใจให้ชัดเจนจนหมดสิ้น หวังยิ่งให้มีถ้อยอักษรเพียงพอสำหรับเป็นตัวแทนทุกความคิดและความรู้สึกจากข้างใน เพียงหวังให้สิ่งนี้เป็นสื่อกลางระหว่างกัน แม้จะมีพลังน้อยกว่าสื่อใจก็ตามที...


การคิดสร้างสรรค์ที่ดูเหมือนจะเป็นความเพ้อฝันอยู่นานเนิ่น ในที่สุดมันก็ถูกพลังของใจที่โหยหาของคนธรรมดากลุ่มหนึ่งพลิกกลับให้กลายเป็นสิ่งสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ ความภูมิใจ ความสุข ความอิ่มเอม ที่เกิดขึ้นในใจเช่นเดียวกัน ก็คงยากที่จะหาสิ่งใดมาเอ่ยแทนได้หมดสิ้น มองดูเหมือนเป็นเพียงการพบปะของ กลุ่มคนทั้งที่คุ้นเคยและแปลกหน้า แต่ประหลาดนักที่การพบปะครั้งนี้ได้สร้างพลังใจอย่างมหาศาลแก่กันและกัน


ค่ายที่ได้เกิดขึ้นแล้วนั้น หากจะมองในแง่ความงามตามคุณค่าอีกหนึ่งมุม ก็น่าจะพบว่ามันได้ให้กำลังใจที่ยิ่งใหญ่แก่ทุกคนที่สร้างสรรค์และสัมผัสมัน ทำให้เพื่อนรู้จักกันและกันดียิ่งขึ้น และทำให้แต่ละคนพบว่า ทั้งร่างกาย กำลังใจ และความหวังของเรา มิได้หยัดยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวดั่งที่คิดในตอนแรก ต่อสำนึกความเสียดายที่พวกเขาน่าจะได้รับอะไรมากกว่านี้นั้น คงมิได้บั่นทอนคุณค่าของสิ่งที่เกิดขึ้นไปมากนัก อย่างน้อย นอกจากห้วงเวลาการได้พบกันอีกครั้งในบรรยากาศอันคุ้นเคย และนอกจากการได้ร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันด้านดีให้แก่พวกเขา สิ่งหนึ่งซึ่งได้เกิดขึ้นแล้ว... นั่นคือ การเรียนรู้ของพวกเราเอง หากจะว่าไปแล้ว นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการแสดงพลังของใบไม้รุ่นแรกหลังการแยกย้ายไปเก็บประสบการณ์และความงดงามให้แก่ชีวิต มันคือการเรียนรู้...เรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด...ครั้งนี้ก็เช่นกัน


แปลก...ที่กลุ่มคนที่เริ่มรู้จักกันจากคำว่า “ เพื่อน ” จะถูกสายใยทรงพลังของคำคำนี้ ผูกใจเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น...ทีละน้อย...ทีละน้อย ระยะทางมิอาจสำแดงพลังทำลายความรู้สึกเหล่านี้...ตรงข้าม...กลับเสริมพลังของคำว่าเพื่อนให้กล้าแกร่งยิ่งขึ้นจนยากที่จะถูกทำลายด้วยสิ่งใดใด และในการพบปะครั้งนี้ สายใยอันทรงพลังของความเป็นเพื่อน ก็แสดงอานุภาพของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
............

การเดินทางของคำขอบคุณ....สู่เพื่อน
เพื่อน
14 / 12 / 2550


บางส่วนจาก จดหมายถึง...เพื่อน



จดหมายถึง....เพื่อน........

มีนักเขียนคนหนึ่งบอกว่า “การคิดสร้างสรรค์ ต่างจาก ความเพ้อฝัน ตรงที่มันสามารถเปลี่ยนตัวมันเองให้เป็นความจริงได้”

หลังจากที่มันเป็นความเพ้อฝันอยู่หลายปีในที่สุดมันก็กลายเป็นความจริง แม้จะไม่สมบูรณ์พร้อมด้วยผองเพื่อน แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ใจที่โหยหารสชาติที่ขาดหายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เกือบ 3 ปีที่รอคอยอย่าถามเลยว่าภูมิใจเท่าใด ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่ได้จากโชค ไม่น่าภูมิใจเท่าความสำเร็จเล็กน้อยด้วยมือเราเอง แต่ยังนึกเสียดายพวกเขาน่าจะได้อะไรมากกว่านี้ เราอาจมีเวลาในการเตรียมตัวน้อยเกินไป จริงหรือ! ในเมื่อหนึ่งนาทีของมดยังสามารถขนเม็ดข้าวที่หนักกว่าตัวมันไปได้ไกลโข หนึ่งนาทีของผึ้งยังสามารถดูดน้ำหวานได้มากมาย เรามีเวลาน้อยหรือเราไม่รู้จักใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์ แต่ช่างมันเถอะนะเพราะ ณ ปัจจุบันสิ่งเหล่านั้นคืออดีตที่เรากลับไปแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว อย่างที่เขาบอกกันว่าหนึ่งนาทีที่ผ่านไปมีได้แค่ครั้งเดียว

ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะสามารถใช้อดีตให้เป็นประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด มองในแง่ความงามตามคุณค่า แค่มีห้วงเวลาให้เราได้พบกันอีกครั้งในบรรยากาศที่คุ้นเคยมันก็สุขใจดีมิใช่หรือ หรือการได้ร่วมสร้างภูมิคุ้มกันด้านดีให้เด็กและเยาวชนที่กำลังเจริญเติบโตก็น่ายกย่องมิใช่หรือ แม้เพียงเสี้ยวแต่ก็ดีกว่าให้มันกลายเป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งที่เราสามารถทำให้เป็นจริงได้

มีเรื่องขำขันเรื่องหนึ่งเล่าว่า ชายคนหนึ่งตั้งใจว่าจะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำกว้างใหญ่ หากไปได้ครึ่งทางเกิดความลังเล ทดท้อ เขาตัดสินใจว่ายน้ำกลับมาที่จุดเริ่มต้นและปลอดภัยเสียด้วย ทั้งที่ความจริงถ้าเขาว่ายต่อไปชัยชนะจะเป็นของเขาโดยบริบูรณ์ โชคดีที่พวกเรามิได้มีเชื้อของชายผู้นั้นอยู่มากนัก มิเช่นนั้นคงยากที่ค่ายนี้จะแทรกตัวขึ้นมา ใบต่อไปจะผลิได้อย่างไรเมื่อสภาพภายนอกแห้งแล้งนัก แต่ไม่กล้าปฏิเสธหรอกนะว่าความทดท้อและลังเลก็เกิดขึ้นในใจหลายต่อหลายครั้ง แต่ที่สุดความอดทนยังทรงพลังมากพอที่จะขับไล่มันให้ไกลจากห้วงคำนึง

ผ่านมาแล้วผ่านไปเวลาไม่เคยหลอกลวงใคร “เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ” ประโยคยอดนิยมถูกนำมาใช้เปรียบเทียบกับความรู้สึก ตรงทีเดียว ผ่านพ้นไปหลงเหลือไว้แต่ความทรงจำดีๆ

ถ้าคนเราอยู่ได้ด้วยความหวังและกำลังใจ ก็คงได้แต่หวังว่าซักวันกงล้อแห่งกาลเวลาคงจะนำพาเรามาเจอะเจอกันอีกครั้งเพื่อเติมพลังให้กันและกันก้าวสู่ความฝันของตัวเอง

..............

เพื่อน
12/12/07